Add Line
UK University Review Vol. 10 University of Bath
สวัสดีค่า น้องๆ วันนี้กลับมาพบกับพี่หนิงอีกแล้ว ตามที่สัญญาไว้ใน EP ที่แล้ว ว่าวันนี้จะพามาเที่ยวอีกเมืองชื่อดังของอังกฤษ เป็นทั้งเมืองท่องเที่ยว เมืองอนุรักษ์และเมืองแห่งการศึกษา นั่นก็คือ เมือง Bath นั่นเองค่ะ แน่นอนว่าจะไม่พูดถึง University of Bath ไม่ได้ เพราะเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังประจำเมือง มีความเก่าแก่มากๆ และยังอันดับดีทั้งในประเทศและก็ในโลกด้วยค่ะ อย่ารอช้า เราไปเยี่ยมชมเมืองและมหาวิทยาลัยกันเล้ยยยย!!!
เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย University of Bath
หากกล่าวถึงประวัติของมหาวิทยาลัยแล้ว ต้องย้อนไปในปี 1595 เลยค่ะ สมัยนั้นมีการก่อตั้งวิทยาลัยเทคนิคพ่อค้า โดยสมาคมพ่อค้าที่เมือง Bristol เพื่อให้ความรู้กับคนทั่วไปเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ ในสมัยก่อน จากนั้นจึงย้ายมาก่อสร้างตัววิทยาลัยขึ้นใหม่ในปี 1964 บริเวณตะวันออกของเมือง Bath ซึ่งห่างจากเมือง Bristol เพียง 18 นาทีโดยรถไฟ และได้รับสถานะเป็นมหาวิทยาลัยเต็มตัวในปี 1966
University of Bath ถือเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศอังกฤษ เนื่องจากประวัติอันยาวนาน การทำงานวิจัยอย่างเข้มข้นและอันดับมหาวิทยาลัยทั้งในและนอกประเทศดี เป็นมหาวิทยาลัยที่ได้ยอมรับอย่างกว้างขวาง แน่นอนว่าการสมัครเรียนที่นี่ก็ไม่ง่ายค่ะ เพราะในระดับปริญญาโท นักเรียนต้องมีการเรียนดีมากรวมถึงคะแนนภาษาอังกฤษ ที่นี่ยังได้รับรางวัล Teaching Excellence Framework ระดับ Gold ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพการเรียนการสอนและความพึงพอใจของนักศึกษาในแต่ละปี ซึ่งมีเพียง 40 มหาวิทยาลัยเท่านั้นที่ได้ จากทั้งหมด 150 มหาวิทยาลัย
“A rating of gold means that a university has demonstrated the highest-quality teaching standards and is consistently outstanding. The institution provides outstanding outcomes for students from all backgrounds, particularly in terms of retention and progression. The university also offers students outstanding physical and digital resources.” Bhardwa, S., 2020. What Is The TEF? Results Of The Teaching Excellence Framework 2019. [online] Times Higher Education (THE).
วิทยาเขตหลักของมหาวิทยาลัยชื่อว่า Claverton Down ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองบาธ ห่างจาก City Centre ประมาณ 1.5 ไมล์ สามารถเดินทางด้วยรถประจำทางไม่เกิน 10 นาที ตัววิทยาเขตออกแบบมาให้มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เน้นการเดินเท้าเป็นหลัก สามารถเดินจากจุดหนึ่งถึงอีกจุดไม่เกิน 15 นาที นอกจากการเดินทางจะสะดวกสบายแล้ว Bath ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหนึ่งที่ปลอดภัยที่สุดในประเทศอังกฤษ ปัจจุบัน University of Bath มีนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนอยู่ประมาณ 18,676 คน และกว่า 30% เป็นนักเรียนต่างชาติจาก 130 ประเทศทั่วโลก หลักสูตรที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัยได้แก่ Engineering, Business และ Finance
หากไม่กล่าวถึงความสวยงามของเมืองบาธคงจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยประวัติศาสตร์แบบยุค Georgian ที่นี่ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักที่สำคัญ มีจุดท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง เช่น The Roman Baths, Bath Abbey, Pulteney Bridge, The Circus, Milsom Street รวมถึง 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง Stonehenge เป็นต้น
เราลองมาดูรูปบรรยากาศโดยรอบของเมือง Bath กันค่ะ
เมื่อมาถึงก็เจอกับบริเวณหอพักของมหาวิทยาลัยก่อนเลยที่นี่เรียกว่า The Quads ค่ะ เป็นหอพักสำหรับนักเรียนปี 1 หรือนักเรียน Pre-sessional โดยเฉพาะ ดูสวยงาม ทันสมัย สะอาดเรียบร้อยมากๆ เลย ค่าหอก็ค่อนข้างสูงนิดหน่อย อยู่ที่ £178 ต่อสัปดาห์ค่ะ
หลังจากที่เดินเข้ามาในตัววิทยาเขตหน่อยแล้ว ก็จะเจอกับ Bus Range ที่จอดรถโดยสารประจำทางของมหาวิทยาลัยที่เดินทางไปทั่วเมืองเลยค่ะ เดินทางง่ายและสะดวกมากๆ
ป้ายด้านหน้ามหาวิทยาลัย ใครมาแล้วไม่ถ่ายกับป้ายนี้ถือว่ายังมาไม่ถึงนะคะ 555
พอขึ้นบันไดมาแล้ว ก็จะเป็นบริเวณ The Parade ซึ่งเป็นเหมือนลานกว้างล้อมรอบด้วยตึกคณะต่างๆ รวมถึง Library, Student Service Centre, Student Union เรียกได้ว่าทุกอย่างที่สำคัญๆ อยู่ตรงนี้หมดเลยค่ะ หาง่ายดี
วันนี้ถือว่า Exclusive สุดๆ เพราะได้รับเกียรติให้มาเยี่ยมชม Faculty of Engineering and Design ซึ่งถือเป็นคณะดังของที่ University of Bath เลยค่ะ แยกย่อยออกเป็นแผนกต่างๆ กัน คือ Architecture & Civil Engineering, Chemical Engineering, Electronic & Electrical Engineering และ Mechanical Engineering
ความประทับใจแรก คือ ทั้งตึกคณะจะเห็นได้ว่ามีรถแข่ง F1 จอดอยู่หลายคันมากๆ เพราะว่ามหาวิทยาลัยจะจัดตั้งทีมแข่งขึ้นมาทุกปี โดยนักเรียนที่สนใจสามารถลงชื่อเข้าร่วมโปรเจคได้ ชื่อว่า Team Bath Racing นั่นเองค่ะ
โดยเราจะต้องช่วยกันออกแบบ ประกอบ รวมถึงไปแข่งในระดับประเทศและภูมิภาคด้วย มีรถหลายรุ่นมากๆ และได้รับสปอนเซอร์จากบริษัทดังๆ เยอะมากเช่นกัน
อีกเรื่องที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ Placement Year หรือโปรแกรมฝึกงานนั่นเองค่ะ สำหรับนักเรียนระดับปริญญาตรีที่อังกฤษเกือบทุกคน จะได้ฝึกงาน 1 ปี ช่วงปี 2-3 และจะกลับมาเรียนปีสุดท้ายหลังจากฝึกงานจบ เพื่อหาประสบการณ์ได้ทำงานกับบริษัทชื่อดังระดับโลก ได้ทั้งประสบการณ์ Profile รวมถึง Connection ด้วยค่ะ โดยเฉพาะนักเรียนสาขา Engineering จะเลือกฝึกงานกันซะส่วนใหญ่เลย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับการตอบรับฝึกงานนะคะ เพราะนักเรียนต้องมีผลการเรียนที่ดี ต้องกระตือรือร้นในการสมัครงาน สัมภาษณ์ และก็ต้องไปทำงานแบบ Full-time เลย ส่วนใหญ่ก็ได้รับเงินเดือนด้วยค่ะ
ตัวอย่างผลงานของนักเรียนปริญญาโท
ห้องเรียนแผนก Electronic & Electrical Engineering ที่สนับสนุนโดย Tektronix บริษัทออกแบบและผลิตเครื่องมือผลิตและทดสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าชื่อดัง
เครื่อง 3D Printer หลากหลายยี่ห้อและขนาดที่จะขาดไม่ได้เลย
อุปกรณ์มีทั้งขนาดเล็กไปใหญ่ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมจริงๆ
เค้ามีไปออกค่ายกันที่ต่างประเทศด้วย น่าสนุกดีนะคะ
ออกมาข้างนอกอีกทีก็มืดซะแล้ว บรรยากาศมหาวิทยาลัยตอนกลางคืนในช่วงหน้าหนาว ไฟสว่างมากๆ
วันนี้ก็พาน้องๆ ไปชม University of Bath กันมาพอหอมปากหอมคอแล้ว หวังว่าจะชอบกันนะคะ บอกเลยว่าพอได้มาเยี่ยมชมแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมหาวิทยาลัยถึงดังมากๆ เพราะการเรียนการสอนที่ดูวิชาการสุดๆ อุปกรณ์การเรียนที่เพรียบพร้อมแบบสุดๆ แล้วก็สภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการมาเรียนจริงๆ ทำให้ที่ University of Bath เป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลกได้อย่างไร้ข้อครหาเลยค่ะ หากน้องๆ คนไหนที่สนใจมาเรียนที่นี่ ก็สามารถติดต่อพี่ๆ EFL UK ได้นะคะ สำหรับมหาวิทยาลัยต่อไปจะเป็นที่ไหนนั้น อย่าลืมติดตามกันนะคะ วันนี้พี่หนิงไปแล้ว แล้วเจอกัน EP หน้าค่ะ สวัสดีค่า