Add Line
BREXIT การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสหราชอาณาจักร
เมื่อเดือนมิถุนายน 2016 ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะได้ยินข่าวที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันของผู้คนในสหราชอาณาจักรและยุโรป เกี่ยวกับการที่สหราชอาณาจักร (United Kingdom) จะขอถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกกับสหภาพยุโรป (European Union) ในวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า Brexit นั้นคืออะไร? และมีผลกระทบกับเราประเทศของเราและทั่วโลกอย่างไรบ้าง
คำว่า Brexit นั้นมาจากคำว่า British + Exit ซึ่งก็หมายถึงการที่ประเทศอังกฤษและประเทศในเครือสหราชอาณาจักร คือ สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือและเวลส์ (United Kingdom) จะขอถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกกับสหภาพยุโรป (European Union) ส่วนสหภาพยุโรป (European Union) หรือเรียกสั้นๆ ว่า EU ประกอบไปด้วยสมาชิกกลุ่มประเทศยุโรป 28 ประเทศ ซึ่งได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1993 นโยบายที่โดดเด่นของสหภาพยุโรป คือ Single Market ซึ่งก็คือ การเคลื่อนย้ายสินค้า ทุน บริการ รวมทั้งคน ได้อย่างมีอิสระ
ทุกอย่างเริ่มขึ้นจากที่นาย David Cameron ได้เคยไปหาเสียงไว้ตอนช่วงการเลือกตั้งเมื่อปีก่อนว่า หากชนะการเลือกตั้งจะมีการเปิดให้โหวตว่าประชาชนคนในสหราชอาณาจักรต้องการที่จะออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปหรือไม่ ซึ่งนาย David Cameron ก็สามารถชนะการเลือกตั้งได้ในที่สุด และได้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ ที่สหราชอาณาจักรได้เปิดให้ประชาชนทำประชามติว่าต้องการจะออก (British+Exit=Brexit) หรือจะอยู่ต่อ (British+Remain=Bremain) จึงสามารถแบ่งได้สองประเด็น
สำหรับฝ่ายที่ต้องการจะออก ได้ให้เหตุผลว่า
- มีคนต่างชาติย้ายเข้ามาทำงานและมีผู้อพยพเข้ามาอยู่ในสหราชอาณาจักรจำนวนมากเกินไป เปรียบเสมือนการโดนแย่งกันกินแย่งกันใช้
- ประเทศสหราชอาณาจักรต้องจ่ายค่าสมาชิกให้กับ EU เป็นจำนวนปีละ 9 พันล้านปอนด์ หรือคิดเป็น 35 ล้านปอนด์ต่อวัน ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ ของ EU เลยทีเดียว และเมื่อคำนวณกับผลประโยชน์ที่ได้รับแล้ว มูลค่าที่สหราชอาณาจักรได้รับนั้นน้อยกว่ามูลค่าที่จ่ายไปมาก
- คนอังกฤษต้องการมีเสรีภาพทางการค้ากับประเทศอื่นๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปรอขออนุมัติจากคณะกรรมการ EU
สำหรับฝ่ายที่ต้องการจะอยู่ต่อ ได้ให้เหตุผลว่า
- หากต้องออกจาก EU แล้ว จะมีผลกระทบทางด้านการค้า ซึ่งก็คือ สหราชอาณาจักรจะไม่ได้สิทธิทางภาษีในการส่งออกและนำเข้าสินค้าจาก Single Market แล้ว เพราะปกติทางสหราชอาณาจักรจะมีการส่งออกสินค้าไป EU กว่า 45% ของการส่งออกทั้งหมด นอกจากนี้ยังจะสูญเสียข้อตกลงทางการค้าที่ EU เคยทำไว้กับประเทศต่างๆ ดังนั้นถ้าออกจาก EU ประเทศในเครือสหราชอาณาจักรจะต้องไปทำข้อตกลงใหม่กับประเทศต่างๆ เองใหม่หมด และอำนาจการต่อรองก็จะน้อยลงด้วย
- ผลกระทบด้านแรงงาน เพราะเมื่อสหราชอาณาจักรไม่ได้อยู่ในกลุ่ม EU แล้ว การจ้างงานและการลงทุนจากต่างประเทศก็จะเปลี่ยนไป ซึ่งจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในสหราชอาณาจักรอย่างมาก
- คนประเทศไอร์แลน์เหนือและประเทศสกอตแลนด์ส่วนมากก็อยากจะแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร ดังนั้นถ้าสหราชอาณาจักรออกจากกลุ่ม EU แล้ว ทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวอาจจะใช้เป็นเงื่อนไขในการแยกออกจากกลุ่มสหราชอาณาจักรด้วยเช่นกัน
ผลกระทบ Brexit ต่อประเทศไทย
- ในระยะสั้นประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากกรณี Brexit ไม่มากเท่าไหร่ เนื่องจากประเทศไทยมีการส่งออกไปสหราชอาณาจักรเพียง 2% ของการส่งออกทั้งหมด
- ในระยะยาวนั้น ถ้าเกิดกลุ่มสหภาพยุโรป EU เกิดความอ่อนแอลงจากกรณี Brexit ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบพอสมควร เพราะประเทศไทยมีการส่งออกไปกลุ่ม EU มากถึง 10 % ของการส่งออกทั้งหมด
- อย่างไรก็ตามประเทศไทยจะได้รับผลกระทบทางอ้อมมากกว่าจากกรณี Brexit ซึ่งจะเป็นผลกระทบที่มาจากการสั่นคลอนและการขาดความมั่นคงของ EU และระบบเศรษฐกิจการเมืองโลก เช่น ราคาทองตก ราคาน้ำมันร่วง ฯลฯ
ผลกระทบ Brexit ต่อ EU
“ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าที่อาจจะส่งผลกระทบต่อไทยทางอ้อมคือ การที่ EU จะเข้าสู่ยุคของการไร้เสถียรภาพและความปั่นป่วน ซึ่งอาจนำไปสู่ความปั่นป่วนของเศรษฐกิจโลกได้ การออกจาก EU ของอังกฤษ ถือเป็นการถอยหลังครั้งใหญ่ที่สุดของ EU นับตั้งแต่ก่อตั้งมา 70 ปีที่แล้ว
EU ที่ไม่มีอังกฤษ ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 จะทำให้ EU อ่อนแอลง แต่ประเด็นสำคัญที่น่าเป็นห่วงคือ Brexit อาจเป็นตัวอย่างให้คนในประเทศต่างๆ ที่ต่อต้าน EU เอาเป็นตัวอย่าง ในฝรั่งเศส มีชาวฝรั่งเศสเพียง 38 % ที่สนับสนุน EU ในอิตาลีและกรีซ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตยูโรโซน ก็ไม่พอใจ EU ที่มีมาตรการบีบบังคับหลายอย่าง พรรคการเมืองฝ่ายขวาในยุโรปก็ชูนโยบายต่อต้าน EU กันทั้งนั้น และนโยบายดังกล่าวก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆจากชาวยุโรป โดยที่ฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์กำลังมีความพยายามที่จะมีประชามติออกจาก EU เหมือนกับอังกฤษ
EU กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต ที่ก็ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อ EU ถึงขั้นแตกสลายหรือไม่”
(รศ.ดร.ประภัสสร์ เทพชาตรี, มิถุนายน 2559)