ข้อดีของการเลือกเรียนต่อประเทศอังกฤษ
ข้อมูลเรียนต่อปริญญาตรีข้อมูลเรียนต่อปริญญาโท
หลายๆ ครั้งที่เราตัดสินใจอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่ว่าจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ไปจนถึงระดับปริญญาเอก แต่ทำอย่างไรก็คิดไม่ออกซักที ว่าประเทศไหนกันนะ ที่เหมาะสมกับความต้องการของเรา วันนี้ พี่ๆ EFL UK มีข้อมูลในการเลือกประเทศที่เราต้องการไปเรียนต่อมาให้น้องๆ ได้อ่านเพื่อเป็นแนวทางช่วยในการตัดสินใจ และเข้าใจว่าทำไมประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่นๆ ในเครือสหราชอาณาจักรถึงกลายมาเป็นจุดหมายหลักที่มีนักเรียนต้องการไปเรียนต่อมากที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก
ต้นกำเนิดของภาษาอังกฤษ
แน่นอนว่าการที่เราต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศนั้น นอกจากตัวปริญญาที่เราจะได้รับเมื่อเรียนจบแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่เราต้องการพัฒนาให้ดีขึ้น ก็คือทักษะภาษาอังกฤษ เพราะการไปเรียนต่อในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี จะทำให้เรามีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาอังกฤษได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ เรายังมีความมั่นใจที่จะใช้ภาษาได้ดีขึ้นหากเทียบกับการเรียนภาษาอังกฤษในประเทศ เพราะเราได้นำความรู้ที่ได้มาใช้จริงๆ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และมีผู้คนสนใจไปเรียนต่อมากที่สุด 5 ประเทศ คือ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
อย่างไรก็ตาม ประเทศอังกฤษถือเป็นต้นกำเนิดของภาษาอังกฤษที่แท้จริง ทั้งสำเนียงที่น่าฟังและสำนวนเก๋ๆ ไม่เหมือนประเทศไหนในโลก
คุณภาพการศึกษาระดับโลก
อีกหนึ่งเหตุผลหลักที่น้องๆ ตัดสินใจเลือกไปเรียนต่อที่สหราชอาณาจักร เพราะความเป็นผู้นำในด้านการศึกษา และระบบการศึกษาระดับโลกของมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ ดูได้จากการจัดอันดับต่างๆ โดยองค์กรเอกชนเพื่อวัดระดับคุณภาพการศึกษาของสถาบันการศึกษาต่างประเทศทั่วโลก และจัดโดยองค์กรในประเทศอังกฤษเอง เช่น QS World Rankings, Times Higher Education Ranking, Guardians University Ranking และ Complete University Guide มหาวิทยาลัยชื่อดังของสหราชอาณาจักร เช่น University of Oxford, University of Cambridge, Imperial University College, University College London, London School of Economics and Political Science, University of Edinburgh, King’s College London, University of Exeter, University of Glasgow และ University of Southampton เป็นต้น
เรียนต่อปริญญาโทอังกฤษ หลักสูตรแค่ 1 ปี
เมื่อเทียบการเรียนต่อในระดับปริญญาโทกับประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักแล้ว ประเทศอังกฤษถือเป็นแห่งเดียวที่เปิดสอนหลักสูตรปริญญาโท 1 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลามาตรฐานของทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ในขณะที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ใช้เวลาเรียนประมาณ 1.5 – 2 ปีขึ้นไป นับเป็นข้อดีอีกจุดหนึ่งของการเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เนื่องจากการเรียนต่อต่างประเทศในระยะเวลาที่ไม่ยาวมากจนเกินไป จะช่วยทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งตัวค่าเรียนเองและค่ากินอยู่ (Cost of Living) ยิ่งอาศัยอยู่ต่างประเทศนานเท่าไหร่ ค่ากินอยู่ ค่าที่พักก็จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
แม้น้องๆ บางคน อาจจะเห็นว่าไปการเรียนแค่ 1 ปี เราอาจไม่ได้รับทักษะภาษาอังกฤษหรือความรู้ที่เพียงพอเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่แท้จริงแล้วประเทศอังกฤษมีหลักเกณฑ์ที่บ่งบอกชัดเจนว่านักเรียนที่จะเข้าไปเรียนต่อในระดับปริญญา ไม่ว่าคอร์สใดใดก็ตาม นักเรียนจะต้องสอบผ่าน IELTS และได้คะแนนตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดเท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว น้องๆ จะมี 2 ทางเลือกหลักๆ คือ สอบ IELTS ที่ประเทศไทยจนกว่าจะได้คะแนนตามที่ต้องการ หรือไปเรียนคอร์ส Pre-sessional English ที่มหาวิทยาลัยนั้นๆ เพื่อปรับพื้นฐาน หลังจากเรียนคอร์สดังกล่าวจบ มหาวิทยาลัยจะจัดการสอบภายในหรือ Internal Test ขึ้น เพื่อวัดระดับว่านักเรียนมีทักษะภาษา ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน ตรงตามหลักเกณฑ์แล้วหรือไม่ หากนักเรียนสอบผ่าน มหาวิทยาลัยจะรับเข้าเรียนต่อในระดับปริญญา โดยที่ไม่ต้องสอบ IELTS ใหม่อีก โดยนักเรียนส่วนมากกว่า 90% ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ หากเข้าเรียนและส่งงานครบตามกำหนด
ข้อดีของการเรียน Pre-sessional English คือ นอกจากการพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษแล้ว มหาวิทยาลัยยังมีการสอน Study Skills เช่น การทำ Presentation, การทำ Referencing และการทำ Projects ต่างๆ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากๆ เมื่อน้องๆ เข้าไปเรียนในระดับปริญญาโท โดยเฉพาะน้องๆ ที่ไม่มีประสบการณ์การเรียนในต่างประเทศมาก่อน คอร์สดังกล่าว จะช่วยทำให้น้องๆ ปรับตัวในการเรียนที่ประเทศอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น
เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ เรียนจบ ม.5 ก็ไปได้
แม้จะยังไม่เป็นที่ทราบกันอย่างแพร่หลายนักว่านักเรียนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และมีเกรดดี สามารถไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษได้เลยโดยไม่ต้องรอเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยน้องๆ จะเข้าเรียนต่อในคอร์สที่ชื่อว่า International Foundation Programme ซึ่งเป็นคอร์สปรับพื้นฐานสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ เกือบทุกมหาวิทยาลัยเปิดสอนหลักสูตรนี้ เพื่อรองรับนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ เมื่อน้องๆ เรียนจบและสอบผ่านตามเกณฑ์ ทางมหาวิทยาลัยจะการันตีที่นั่งให้น้องๆ ว่ามีที่เรียนแน่นอนเพื่อเข้าปี 1 และเรียนทั้งหมดอีก 3 ปีจบ
และไม่ต้องกังวลสำหรับน้องๆ ที่สอบไม่ผ่าน กลัวว่าไม่ได้จบ ม.6 สมบูรณ์ หรือต้องการกลับมาเรียนต่อที่ประเทศไทยแทน เพราะหลักสูตร International Foundation Programme จากประเทศอังกฤษนั้น เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในหลายๆ ประเทศ รวมถึงมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยเฉพาะหลักสูตรอินเตอร์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำ อ่านต่อเกี่ยวกับหลักสูตร International Foundation Year คลิ๊ก
เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษใช้เวลาเพียง 3 ปี
ข้อดีสำหรับน้องๆ ที่ต้องการไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษที่เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 และมีผลการเรียนดี (GPA 3.00 ขึ้นไป) น้องๆ มีโอกาสเรียนต่อในหลักสูตร Diploma หรือ International Year One ซึ่งจะเทียบเท่ากับปริญญาตรี ปี 1 ของประเทศอังกฤษ โดยไม่ต้องเรียนปีปรับพื้นฐานหรือ International Foundation Programme เมื่อเรียนหลักสูตรนี้จบ น้องๆ จะเข้าเรียนต่อปี 2 ของมหาวิทยาลัยได้ทันที ซึ่งหลักสูตรปริญญาตรีของที่ประเทศอังกฤษจะเรียนแค่ 3 ปี (หรือ 4 ปีรวมฝึกงานหากต้องการ) เพราะฉะนั้น น้องๆ จะสามารถเรียนจบปริญญาตรีได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย แถมยังมีสิทธิ์ขอทุนการศึกษาจากหลายๆ มหาวิทยาลัยอีกด้วย อ่านต่อเกี่ยวกับหลักสูตร International Year One (Diploma) คลิ๊ก
ส่วนของผลคะแนนสอบที่ใช้ในการสมัครเรียนต่อ
สำหรับประเทศอังกฤษนั้น มหาวิทยาลัยจะพิจารณารับเข้าเรียนจากเกรดเฉลี่ย และผลภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่ในประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จะให้นักเรียนมีการทดสอบอย่างอื่นเพิ่มเติม เช่น GMAT หรือ GRE ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การไปเรียนต่อนั้นยากลำบากมากยิ่งขึ้น
ส่วนของทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายต่างๆ
ในส่วนของประเทศอังกฤษ สถาบันการศึกษาต่างๆ กว่า 90% มีการมอบทุนการศึกษาจำนวนมากให้แก่นักเรียนต่างชาติ ซึ่งจะมีทั้งทุนการศึกษาค่าเรียนเต็มจำนวน 100% ไปจนถึงส่วนลดค่าเรียนบางส่วน ตามเงื่อนไขต่างๆ และกิจกรรมการสนับสนุนทางการศึกษาให้กับนักเรียนต่างชาติอีกมากมาย
- ดูรายชื่อมหาวิทยาลัยที่ให้ทุนในระดับปริญญาตรีทั้งหมด คลิ๊ก
- ดูรายชื่อมหาวิทยาลัยที่ให้ทุนในระดับปริญญาโททั้งหมด คลิ๊ก
- ทุนเต็มจำนวนรวมทั้งค่ากินอยู่ตลอดทั้งหลักสูตรโดยรัฐบาลอังกฤษ Chevening Scholarship คลิ๊ก
การเดินทาง และการท่องเที่ยว
ประเทศอังกฤษนั้น ความจริงแล้วมีความคล้ายคลึงกับประเทศไทยอยู่มาก ด้วยจำนวนประชากรในประเทศประมาณ 60 กว่าล้านคน และขนาดประเทศที่ไม่ต่างกันนัก การเดินทางระหว่างเมืองจึงทำได้ง่าย ด้วยการนั่งรถไฟ ความเร็วสูง หรือนั่งเครื่องบินไม่เกิน 1 ชั่วโมง เช่น จากลอนดอนไปกลาสโกว สกอตแลนด์ (Glasgow) ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงบินในประเทศ หรือจากลอนดอนไปยังเอ็กเซกเตอร์ (Exeter) 2 ชั่วโมงโดยรถไฟ หรือแม้แต่การนั่งเครื่องบินหรือรถไฟไปเที่ยวในทวีปยุโรปก็ทำได้ง่าย เช่น จากอังกฤษไปฝรั่งเศสด้วยรถไฟใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น และนักเรียนที่ไปเรียนต่อในระดับปริญญาที่อังกฤษ ยังสามารถขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen) ได้เลย โดยไม่ต้องบินกลับมาทำที่ประเทศไทย
หากเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น อเมริกาหรือออสเตรเลียที่มีขนาดใหญ่มากเป็นทวีป หากจะต้องเดินทางข้ามรัฐนั้นจำเป็นต้องนั่งเครื่องบิน เนื่องจากระยะทางแต่ละรัฐมีความไกลกันมาก
เป็นยังไงกันบ้างๆ กับความรู้ที่พี่ๆ EFL UK ได้ให้กับน้องๆ ในวันนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์ให้น้องๆ ได้รับไว้พิจารณาถึงความน่าอยู่ ทันสมัย แต่ก็ยังคงความคลาสสิกไว้อยู่เสมอของประเทศอังกฤษกันบ้างนะคะ หากน้องๆ คนใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมในการตัดสินใจเรียนต่อที่อังกฤษ จะเลือกมหาวิทยาลัยไหนดี ที่เหมาะกับเรา ทุนการศึกษาของที่ไหนน่าสนใจบ้าง สามารถติดต่อพี่ EFL UK ได้เลยค่ะ Mobile: 097-1400-527, 087-564-9996 Tel: 02-129-3134, 02-129-3135 Line ID:@EFLUK (มี @ ด้วยค่ะ) อย่าลืมติดตามบทความดีๆ น่ารู้ที่จะมาอัพเดทให้ได้อ่านกันอีกเรื่อยๆ นะคะ