Macquarie University Review Vol. 2
ข้อมูลเรียนต่อปริญญาตรี ข้อมูลเรียนต่อปริญญาโท
สวัสดีค่ะ กลับมาเจอพี่หนิงในแดนจิงโจ้กันอีกแล้ว วันนี้เรายังอยู่กันที่เมืองซิดนีย์นะคะ เพราะยังมีอีกหนึ่ง มหาวิทยาลัยที่ต้องไปดูเลย นั่นก็คือ Macquarie University บอกเลยว่ามหาวิทยาลัยเค้าน่าเรียนสุดๆ ที่นี่ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยรุ่นใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลรัฐนิวส์เซ้าเวลส์เมื่อปี 1964 นี้เอง แม้จะเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน แต่ก็เป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยออสเตรเลียที่เน้นในเรื่องการทำงานวิจัยและติดอันดับ 10 ของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ
สื่งที่น่าสนใจคือมหาวิทยาลัยแมคควอรี่ค่อนข้างจะเน้นมากๆ ในด้านนวัตกรรมและด้านการแพทย์ค่ะ ที่วิทยาเขตหลัก Wallumattagal Campus (อ่านไม่เคยถูกเลยค่ะ 555) ที่อยู่ที่ North Ryde มีตึกห้องสมุดที่ Hi-tech ที่สุดในประเทศ และมีโรงพยาบาลอยู่ในมหาวิทยาลัย ยังไม่นับสถานีรถไฟที่เป็นชื่อของมหาวิทยาลัยเอง
Key facts
- Top 1% of unis in the world
- Macquarie is ranked #10 in Australia and #175 in the world by Times Higher Education World University Rankings, 2023
- #1 in Aus: Grad employment rate by QS Graduate Employability Rankings, 2020
- มีนักเรียนทั้งหมด 44,000 คน
- อยู่ติดกับ Macquarie Park ซึ่งเป็น Innovation Center ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีมากมาย และก่อให้เกิดอาชีพตามมา
พี่หนิงเลือกที่จะเดินทางไปมหาวิทยาลัยโดยรถไฟค่ะ เพราะว่าสะดวกที่สุด โดยไปขึ้นที่สถานี Town Hall จากกลางเมือง โดยใช้บัตร Opal Card คล้ายๆ บัตร Rabbit บ้านเรา แต่บัตรโอปอล์สามารถใช้ได้หมดเลยค่ะ ทั้งรถไฟ Tram บัส โดยเราสามารถเติมเงินที่เครื่องก็ได้ ใน Application ก็ได้ ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาก็จะมีส่วนลดให้ด้วยค่ะ สะดวกมากๆ แต่ก็อย่าลืมแตะบัตรทั้งขึ้นและลงทุกครั้งนะคะ เพราะบางทีก็มีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจบัตร ว่าเราแอบนั่งฟรีหรือเปล่า ค่าปรับไม่คุ้มกันเลย เพราะฉะนั้นอย่าลืมรักษากฏกันนะคะ
จากสถานี Town hall ไปยังมหาวิทยาลัย ต้องแวะลงที่สถานี Chatswood เพื่อที่จะเปลี่ยนขบวนไปลงที่สถานี Macquarie University เลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที ตอนเปลี่ยนรถไฟก็ไม่ยากเพราะอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเลย ไม่หลงแน่นอน
ค่ารถไฟของพี่หนิงกับพี่บี แบบไม่มีส่วนลดใดใดค่ะ 555
ก่อนที่จะเข้าไปมหาวิทยาลัย เราเดินมาที่ Macquarie Center กันก่อนค่ะ ที่นี่เป็นห้างขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับมหาวิทยาลัยเลย คนทั่วไปก็มาซื้อของ ดูหนัง ไปซุปเปอร์ รวมทั้งมาทานอาหารกันที่นี่ น้องนักเรียนของเราก็ทำงานพิเศษอยู่ที่ร้านอาหารไทยที่นี่ค่ะ สะดวกมากๆ
ร้านที่ Macquarie Center มีร้าน Max Brenner ชื่อดังด้วย
อาหารญี่ปุ่นจากร้านใน Macquarie Center
น่าทานมากๆเลยค่ะ
เรื่องที่พักก็มีทั้งหอพักของมหาวิทยาลัย กับบ้านเช่ารอบๆ มหาวิทยาลัยให้เลือกค่ะ ซึ่งถ้ามาแรกๆ พี่หนิงก็แนะนำให้อยู่หอของมหาวิทยาลัยหรือของเอกชนก่อน เพราะว่าจะได้ไม่ลำบากจนเกินไป จนเราเริ่มรู้ที่ทางแล้ว ค่อยไปหาแชร์บ้านก็จะช่วยประหยัดไปได้เยอะค่ะ แต่อย่างไรก็ต้องดูเรื่องความปลอดภัยดีๆ นะคะ ทางพี่ๆ EFL มีบริการจองหอพักเอกชนกับหอมหาวิทยาลัยให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใดค่ะ
ได้เวลาเดินเข้าไปดูมหาวิทยาลัยกันบ้าง เมื่อเดินเข้ามาจากฝั่งห้าง ก็จะเจอป้าย Business School เด่นเป็นสง่าแบบนี้เลยค่ะ ใหญ่มากกกก และในมหาวิทยาลัยก็ต้นไม้เยอะมว๊ากกกกก ร่มรื่นสุดๆ ตรงที่แดดจ้าก็จ้าจนแสบตา สมกับที่เป็นออสเตรเลียจริงๆ
เรานัดกับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยไว้ที่ตึกนี้ค่ะ Sir Christopher ตึก 8 ซึ่งนอกจากตึกนี้จะเป็นตึกเรียนแล้ว ก็จะเป็นตึกที่น้องๆ นักเรียนต่างชาติมาปรึกษาเจ้าหน้าที่ได้ เพราะมีทั้ง Macquarie College และ English Language Center แล้วก็เป็นศูนย์สอบ IELTS ด้วยค่ะ
ตึกแรกที่เจ้าหน้าที่พาเรามาคือตึกห้องสมุดค่ะ ซึ่งอย่างที่เกริ่นไปว่าห้องสมุดที่นี่ไฮเทคมาก สามารถยืมคืนหนังสือได้เองด้วยระบบ Self-service แล้วก็มีระบบหาหนังสือได้ทั้งแบบ Hard copy และ Digital สามารถเข้า Google Scholar ได้ แล้วก็มี Special Collection สำหรับหนังสือหายาก นอกจากนี้ ถ้ามีหนังสือไหนที่ที่นีไม่มี เราสามารถ Request จากห้องสมุดอื่นๆ ทั่วประเทศได้เลย ใช้ได้ทั้งนักเรียน อาจารย์และนักวิจัยค่ะ บอกเลยว่าสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ห้องสมุดแทบจะเป็นบ้านที่สองของเราแล้ว มาเรียนที่นี่ต้องประทับใจมากแน่ๆ ค่ะ
มาที่ส่วนถัดไปที่เราน่าจะได้ใช้เวลาเยอะพอๆ กันก็คือ Central Courtyard ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของแคมปัส ในตึกนี้จะมีทั้งห้องเรียน ห้องประชุม The Hub ที่เป็นทั้งคาเฟ่ ที่ทานอาหาร Pub and Bar ตึกโมเดิร์นและครบครันมากจริงๆ น้องๆ คนไหนอยากไปเที่ยวตึกนี้แบบ 360 องศา สามารถเข้าไปดูได้ที่ลิ้งนี้เลยค่ะ https://my.matterport.com/show/?m=vZtoHyozGma รวมถึงตึก Lincoln building ที่อยู่ในจัตุรัสเดียวกัน ก็มีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่เยอะมาก เราสามารถมาทำงานพิเศษที่ร้านเหล่านี้ได้นะคะ
ส่วนที่ประทับใจอีกส่วนก็คือ The Lake ติดกับตึก The Hub ที่สวยม๊ากกกกก เป็นทะเลสาปและสวนสีเขียวขนาดใหญ่ที่เราสามารถมานอนเล่น ตากอากาศ อ่านหนังสือ เล่นบอลลูนโป้งกับเพื่อนได้เลย ใหญ่มว๊ากกกกจริงๆ
ถ่ายกับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย คุณเคชิส และน้องซาบริน่า Student Ambassador
เราได้เจอน้องซาบริน่า Student Ambassador ที่เรียนปริญญาโทอยู่ที่นี่ค่ะ น้องเป็นคนลาวที่พูดภาษาไทยได้ ก็มาให้ความรู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยให้เราเยอะมากกก โดยเฉพาะ Supports ต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยมีให้ ทั้งการตรวจแกรมม่าก่อนส่งงาน Mentoring Program, Employability Connect และ iLearn ซึ่งน้องบอกว่าบางคนอาจจะไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยมีพวกนี้ให้ แล้วก็พลาดโอกาสที่จะได้ใช้บริการเหล่านี้ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะฉะนั้น ถ้าน้องๆ คนไหนได้มาเรียนที่นี่ อย่าลืมตั้งใจฟังข้อมูลช่วงปฐมนิเทศให้ดีๆ นะคะ จะได้ไม่พลาดข้อมูลสำคัญๆ ไป
ตามบูธพวกนี้เค้าก็จะแจกอาหารขนมฟรีด้วยนะคะ มาหยิบได้เลย
เราเดินมาต่อที่ Wally’s walk ซึ่งเป็นทางเดินตัดผ่านกลางมหาวิทยาลัยเลยค่ะ น้องบอกว่าไม่อยากให้นักศึกษาเดินอ้อมเยอะ เลยมีทางเดินนี้ ซึ่งก็จริงค่ะ เพราะทางเดินนี้เป็นเหมือนทางเดินหลักของมหาวิทยาลัย มีนักศึกษาเดินไปมาเยอะมาก เนื่องจากช่วงที่พี่ๆ ไปเป็นช่วงเปิดเรียนใหม่พอดี เลยมีเจ้าหน้าที่สต๊าฟหรืออาสานักศึกษา ใส่เสื้อโลโก้มหาวิทยาลัยพร้อมข้อความ Ask me ให้เราเข้าไปสอบถามข้อมูลได้ค่ะ โดยเฉพาะตึก Student connect ที่คนเยอะมาก เพราะมีนักเรียนหลายคนที่อาจจะยังลงทะเบียนไม่ได้ หรือไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไง ก็มาที่ตึกนี้เลยค่ะ
เดินไปเรื่อยๆ เราจะได้เห็นทั้งหอพัก Sport Center และตึกคณะต่างๆ มากมายที่กระจายตัวรอบๆ มหาวิทยาลัยขนาด 126 เอเคอร์นี้ ใหญ่มากๆ เลยค่ะ ตึกส่วนใหญ่ก็ดูใหม่แล้วก็โมเดิร์นมากๆ ด้วย จนมาถึงตึกสุดท้าย นั่นก็คือ Macquarie University History Museum ซึ่งนอกจากจะมีบันทึกความเป็นมาของมหาวิทยาลัยแล้ว ที่นี่ยังมีเก็บวัตถุโบราณไว้มากกว่า 18,000 ชิ้น สุดยอดมากๆ เลยค่ะ
นี่ก็คือการรีวิวมหาวิทยาลัยคร่าวๆ ของพี่หนิงสำหรับ Macquarie University นะคะ บอกเลยว่ามหาวิทยาลัยน่าเรียน แล้วก็มี Community เป็นของตัวเอง มีน้องๆ คนไทยที่เรียนอยู่ที่นี่พอประมาณ แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยถ้าเทียบสัดส่วนกับนักศึกษาทั้งหมด ก็จะมีกิจกรรมกันบ้างเป็นครั้งคราว นอกจากการเรียนแล้วก็ยังมีกิจกรรมอะไรต่างๆ ให้ทำมากมายทั่วทั้งแคมปัส หรือจะนั่งรถไฟแค่ไม่นานเข้าไปในเมืองก็ได้เช่นกันค่ะ อ้อ ที่นี่เค้ามีทุนให้นักเรียนไทยทุกคนที่ได้รับการตอบรับ โดยให้สูงสุด 10,000 เหรียญ ทุกปี!!! เลย ให้เยอะมากๆ ถ้าน้องๆ คนไหนสนใจสมัครเรียนหรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อพี่ๆ EFL ได้เลยนะคะ ^^