Universities Review: Durham University, World Top 100 University

รีวิวมหาวิทยาลัยโดย EFL UK ข้อมูลเรียนต่อปริญญาตรี ข้อมูลเรียนต่อปริญญาโท

Durham University

Durham University ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1832 เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีความเก่าแก่มากที่สุดอันดับที่ 3 ของประเทศอังกฤษ ซึ่งรองมาจาก Oxford และ Cambridge นอกจากนี้ Durham University เองก็เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเครือสมาชิก Russell Group ซึ่งเป็นกลุ่มของมหาวิทยาลัยที่มีความโดดเด่นในเรื่องการเรียนการสอน รวมทั้งงานวิจัยระดับโลก ที่ Durham University แห่งนี้มีนักเรียนศึกษาอยู่มากกว่า 17,500 คน และกว่า 21% เป็นนักเรียนนานาชาติ

Durham University ได้รับการจัดอันดับต่างๆของประเทศอังกฤษดังนี้

อันดับ 4th ของมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษโดย The Time and The Sunday Times University Guide 2018
อันดับ 6th ของมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษโดย The Complete University Guide 2019
อันดับ 8th for graduate prospects in the UK – The Good University Guide 2018
World Top 40 for employability by blue-chip companies (QS World University Ranking 2018)
90% of Durham’s departments are ranked within the Top 10 in the UK, 9 of which are ranked 1st or 2nd(Complete University Guide 2016)

Durham University ยังได้รับการจัดอันดับต่างๆของโลกดังนี้

74th (QS World University Ranking 2019)
97th (THE world Ranking 2018)
Triple accredited Business School; AMBA, EQUIS, AACSB

Collegiate System

เป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นระบบคอลเลจ หรือ Collegiate System ที่จะแบ่งนักเรียนให้มีคอลเลจสังกัด โดยทั้งหมดมีอยู่ 16 คอลเลจด้วยกัน จะมีลักษณะคล้ายกับการสังกัดตามบ้านอย่างในโรงเรียน Hogwarts (กริฟฟินดอร์ ฮัฟเฟิลพัฟ เรเวนคลอ และสลิธีริน) ในภาพยนตร์ Harry Potter โดยในแต่ละคอลเลจจะมีกิจกรรม ที่พัก สมาชิกที่แตกต่างกันออกไป สำหรับของ Durham University นั้นจะแบ่งเป็นคอลเลจในตัวเมือง Durham 14 แห่ง และในเมือง Stockton (วิทยาเขตของ Durham University นั่งรถเมล์ไปได้) มีอีก 2 คอลเลจ โดยที่เมือง Stockton นั้นจะสอนวิชาด้านการแพทย์และการตลาด

รายละเอียดของเมือง Durham

เมือง Durham เป็นเมืองขนาดเล็ก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ ลักษณะของอาคารบ้านเมืองของที่นี่จะมีความเป็นเอกลักษณ์มาก น้องๆที่มาท่องเที่ยวที่เมืองนี้จะสัมผัสได้เสมือนว่ามาเที่ยวเมืองย้อนยุคเลยทีเดียว เพราะทั้งตึกและอาคารต่างๆล้วนยังคงรักษาความเป็นสถาปัตยกรรมตามรูปแบบเดิมที่งดงามไว้ ที่สำคัญคือเมือง Durham จะมีชื่อเสียงในเรื่องของปราสาทและมหาวิหารเดอรัม (Durham Castle and Cathedral ) ซึ่งองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1986 นั่นเอง

น้องๆสามารถเดินทางจากเมือง Durham เพื่อไปที่เมือง London ได้ในระยะเวลาประมาณ 2.5 – 3 ชั่วโมงทางรถไฟ เมือง Durham เองก็จัดว่าเป็นเมืองสีเขียวที่อุดมไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าที่สวยงามและเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยเป็นอย่างมากสำหรับประชาชน นักเรียน และรวมทั้งนักท่องเที่ยวด้วย นอกจากนี้ เมือง Durham ยังอยู่ใกล้กับเขตชุมชนชนบทที่มีความสวยงามและมีแม่น้ำล้อมรอบตัวมหาวิทยาลัย ซึ่งถ้ากล่าวโดยสรุปก็สามารถบอกได้เลยว่า เมือง Durham นั้นเป็นเมืองสำหรับการท่องเที่ยว และมีบ้านเมืองที่น่ารักอย่างมากจริงๆ

ปราสาทเดอรัม (Durham Castle)

ปราสาทเดอรัม ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 11 เป็นปราสาทแบบนอร์มันตั้งอยู่ที่เมืองเดอรัม มณฑลเดอรัม และตั้งอยู่ตรงข้ามกับโบสถ์เดอรัม (Durham Cathedral) บนยอดเนินเขาเหนือแม่น้ำเวียร์ บนคาบสมุทรเดอรัม ปราสาทเดอรัมนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการปกป้องบิชอปแห่งเดอรัม จากการถูกโจมตี เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทแบบ mott and bailey ที่ได้รับอิทธิพลของนอร์มัน ในปราสาทนี้ตัวห้องโถงขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นบิชอป แอนโทนี เบค เมื่อช่วงต้นๆศตวรรษที่ 14 ก็เคยเป็นห้องโถงในปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร จนเมื่อกระทั่งช่วงสิ้นศตวรรษที่ 15 ตัวห้องโถงนี้ได้ถูกปรับขนาดให้เล็กลงโดยบิชอปริชาร์ด ฟอกซ์ ซึ่งในปัจจุบันห้องโถงนี้มีขนาดความสูงที่ 14 เมตรและยาวมากกว่า 30 เมตร

มหาวิหารเดอรัม (Durham Cathedral)

มหาวิหารเดิมรัม หรือ คริสตจักรมหาวิหารของพระคริสต์ พระนางมารีย์พรหมจารี และเซนต์คัธเบิร์ตแห่งเดอรัม (The Cathedral Church of Christ, Blessed Mary the Virgin and St Cuthbert of Durham) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1093 ลักษณะโครงสร้างโดยส่วนใหญ่จะเป็นแบบสถาปัตยกรรมนอร์มัน Romanesque Architecture มีหอคอยสูงถึง 66 เมตรและมีบันไดขึ้นทั้งหมด 325 ขั้นเลยทีเดียว มหาวิหารเดอรัมนี้ก็ได้เคยถูกใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง Harry Potter ด้วยเช่นกัน ที่สำคัญคือมหาวิหารเดอรัมนี้ได้รับเลือกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO พร้อมกับปราสาทเดอรัมที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามเหนือแม่น้ำเวียร์