EFL UK

เรียนต่ออังกฤษชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กับ Newton, University of East Anglia (UEA)

Scholarships เรียนต่ออังกฤษชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กับ Newton, University of East Anglia (UEA)

มหาวิทยาลัย East Anglia มอบทุนการศึกษาให้สูงสุดถึง 50% สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนและภาษาอังกฤษดี และได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนหลักสูตรนี้ พร้อมสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยโดยดูจากปัจจัย 4 อย่างเป็นหลักในการพิจารณาทุน

• ทุน 20% จากผลการเรียน
• ทุน 10% จากคะแนน IELTS หรือ English Test ของมหาวิทยาลัย
• ทุน 10% จากคะแนน Math Test ของทางมหาวิทยาลัย
• ทุน 10% จากการสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย

ที่ตั้ง: มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ที่เมือง Norwich (นอริช) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของลอนดอน

สนามบินที่สะดวกในการเดินทาง: London Heathrow หลังจากนั้นนั่งรถไฟ (2 ชั่วโมง) หรือรถโค้ชต่อไปยังเมือง Norwich

หลักสูตร Newton A-Level ที่ UEA เป็นหลักสูตรแห่งเดียวในสหราชอาณาจักรที่เปิดสอน A-Level ในมหาวิทยาลัย ในปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าประทับใจกับ Progression Rate 100% นักเรียนที่เรียนหลักสูตรนี้ ได้รับการตอบรับเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษทุกคน มหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น University of Cambridge, University of Warwick, University College London (UCL), Imperial College London, University of St. Andrew’s และ University of East Anglia เอง

University of East Anglia เป็นมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวในสหราชอาณาจักรที่เปิดสอนหลักสูตร A-Level นี้ และนักเรียนที่เรียนที่นี่มี Progression Rate สูงถึง 100% ในปี 2018 (นักเรียนทุกคนได้รับการตอบรับเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย)

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ UEA

• เมือง Norwich เป็นเมืองที่มีแสงแดดมากที่สุดและฝนตกน้อยที่สุดในประเทศอังกฤษ และอัตรา Crime Rate ต่ำที่สุด
• มหาวิทยาลัย East Anglia ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 15 นาทีโดยรถโดยสารประจำทาง และห่างออกไปเพียง 25 นาทีเป็นชายหาดอันสวยงาม
• Art Gallery ในมหาวิทยาลัย เป็น 1 ในสถานที่ถ่ายทำฉาก Headquarter ในเรื่อง The Avengers
• มหาวิทยาลัย East Anglia เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตของศิลปินดังๆ ระดับโลก มากมาย เช่น The Foo Fighters, Muse, 5SOS, Florence + The Machine, Rita Ora, Charli XCX, David Guetta, Fall Out Boy, Imagine Dragons และ Taylor Swift
• นอกจากนี้ ในส่วนของ Student Unions มหาวิทยาลัย East Anglia ยังมีการจัดคอนเสิร์ตเล็กๆ ของนักร้องจากอังกฤษชื่อดัง เช่น Ellie Goulding
• เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีขนาดใหญ่มาก มีทั้ง Supermarket, Bank, Medical Centre, Art Gallery, INTO Centre, Accommodation, Pub and Bar ทั้งหมดอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น
• รวมถึง หมอ ทันตแพทย์ เภสัชกร ร้านซ่อมจักรยาน และ ห้องซักรีดขนาดใหญ่ ทั้งหมดรวมอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยเช่นกัน
• นักเรียนที่เรียนหลักสูตร Pathway ที่ INTO สามารถใช้สิทธิ์และ Facilities ของมหาวิทยาลัยได้เช่นเดียวกันกับนักศึกษาทั่วไปทุกประการ
• ตึกเรียนของนักเรียนที่ INTO UEA เป็นตึกเดียวกันกับที่พัก และห้องสมุด ทุกอย่างรวมอยู่ในทีเดียว ทำให้มีความสะดวกสบายมาก
• โปรแกรม Meal Plan สำหรับน้องๆ ที่ไม่อยากทำอาหารเอง
• หอพักของที่ INTO Centre จะมีเจ้าหน้าที่มาทำความสะอาดห้องนอน ห้องน้ำ ส่วนกลาง และห้องอาหารให้ทุกวัน เพื่อความสะดวกของนักเรียน

หลักสูตรที่เปิดสอน

• Newton A-level Science and Medicine
• Newton A-level Engineering and Mathematics
• Newton A-level Economics and Actuarial Science

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการเรียนหลักสูตร Newton A-Level

• หลักสูตรที่ใช้สอน Cambridge Assessment International Education (CAIE) A levels ที่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากการประกวดหลักสูตร A level
• อาจารย์ที่สอนเป็นอาจารย์ที่มาจากคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ นอกจากจะสอนในห้องเรียนแล้ว ยังช่วยเตรียมการสอบสัมภาษณ์เพื่อเข้าคณะแพทย์อีกด้วย
• INTO Centre เต็มไปด้วยที่เรียนรู้ และสิ่งอำอวยความสะดวกครบครัน ซึ่งนักเรียนสามารถโฟกัสกับการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
• ช่วยเหลือนักเรียนในเรืองการสร้างประสบการณ์ การสมัครเรียนมหาวิทยาลัย และการทำ Resume
• มีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน
• การเรียนที่มหาวิทยาลัยช่วยให้นักเรียนคุ้นชินกับบรรยากาศแบบ Full Campus ซึ่งการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมทำให้นักเรียนที่แรงบันดาลใจในการเรียนและการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากขึ้น
• ห้องเรียนไซส์เล็ก มีไม่เกิน 8 คน ต่อห้อง
• นักเรียน A-Level สามารถใช้ Facilities ของ University of East Anglia ได้เหมือนเป็นนักเรียนมหาวิทยาลัยเต็มตัว
• การแข่งขันวิชาการในระดับภาคและระดับประเทศ จะมีการแข่งในเรื่องของคณิตศาสตร์ และชีววิทยา ฟิสิกส์ และเคมี รวมถึงการแข่งขันระหว่างประเทศด้วย
• Medical School Preparation Programme เป็นโปรแกรมที่ทำเวิร์คช็อปร่วมกับนักเรียนแพทย์ของ UEA เช่นการฝึกเย็บแผล และมีโอกาสได้ฝึกงานที่ Norfolk and Norwich University Hospital
• สามารถใช้ห้องแล็บของ UEA ได้ในคลาสเรียน
• ไปเยี่ยมชม Norwich Research Park, Wellcome Sanger Institute and Bletchley Park
• ทำงานอาสาสมัครกับโรงพยาบาลท้องถิ่น
• โปรแกรมเตรียมสอบเข้า University of Oxford และ University of Cambridge

Academic Requirement

• Non-medical streams (5 or 6-term programme): มัธยม 5 GPA 3.00/ Year 11 Grade average 70% หรือ มัธยม 6 GPA 3.00
• Medicine, Veterinary Science or Dentistry (5 or 6-term programme): มัธยม 5 GPA 3.5 / Year 11 Grade average 80% หรือ มัธยม 6 GPA 3.50
• Non-medical streams (5 or 6-term programme): 6 GCSE passes at grades A* – B or equivalent.
• Medicine, Veterinary Science or Dentistry (5 or 6-term programme): 6 GCSE passes at grades A* – A or equivalent

English Requirement

• 5-term programme: IELTS 5.5 (with a minimum of 5.5 in writing and no subskill part less than 5.0), or GCSE English language grade A, or equivalent.
• 6-term programme: IELTS 5.0 (with no subskill part less than 5.0), or GCSE English language grade A or B, or equivalent.
• Medicine, Veterinary Science or Dentistry: IELTS 6.0 or equivalent for entry on to both the 5 and 6-term programmes. The Centre accepts other Secure English Language Tests (SELT) including Pearson PTE.

Age Requirement

• ผู้สมัครต้องมีอายุ 16 ปีสมบูรณ์ขึ้นไป

Term Dates and Tuition Fees

ค่าเรียนด้านบนรวมค่าหนังสือเรียน ค่าห้องแล็ป ทัศนศึกษา Field Trips และค่าสอบแล้ว แต่ยังไม่รวมค่าลงทะเบียนเรียน £150

Accommodation

หอพักของนักเรียน A – Level จะแยกกับนักเรียนในระดับชั้นอื่นๆ จะมีแต่เพื่อนๆที่เรียน A-Level เหมือนกันเท่านั้น หอพกัและตึกเรียนอยู่ในบริเวณเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่ดูและและให้ความ่ชวยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

ภายในหอพักประกอบไปด้วย

• ห้องนอนเดี่ยวพร้อมห้องน้ำส่วนตัว
• มีอาหารให้กับนักเรียน
• มีห้องครัวสำหรับน้องๆที่ต้องการทำอาหารทานในบางมื้อ
• Bedding Pack ทั้งผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม
• เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ทุก 2 อาทิตย์
• มีแม่บ้านทำความสะอาดห้อง
• มี Staffs ที่ดูแลและช่วยเหลือน้องๆตลอด 24 ชั่วโมง 7วันต่อสัปดาห์ 365 วันต่อปี
• มี Study Room ของนักเรียน A – Level โดยเฉพาะ
• ห้องซักผ้าอยู่ไม่ห่างจากหอพัก

เรียนต่อแพทย์ในอังกฤษ

ผู้สมัครนอกจากจะต้องได้ เกรด A เป็นอย่างน้อย (หรือ A*) ในทุกวิชาในระดับ A level ที่เรียนแล้ว คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยยังพิจารณาสิ่งเหล่านี้ร่วมด้วย ได้แก่

1. High School Results

ผลการเรียน High School มีความสำคัญเช่นกัน ผู้สมัครที่มีผลการเรียน มัธยม 5 หรือ IGCSE ที่ดีกว่าจะได้เปรียบ

2. AS Results/ Predicted Grades

ผลการเรียน AS ปีแรกต้องได้ A ทั้งหมด และ Predicted score ของ A2 ต้องได้ อย่างน้อย A เช่นกัน

3. UCAS – Personal Statement

ผู้สมัครต้องเขียนจดหมายแนะนำตัว โดยเหล่าประวัติส่วนตัว เหตุผลที่อยากเรียนแพทย์ ประวัติการทำงาน part-time หรือการทำงานอาสาสมัครช่วงเวลาวันปิดภาคเรียน ความเกี่ยวเนื่องกับสายอาชีพแพทย์ แรงบันดาลใจ ตลอดจนเป้าหมายในอนาคต

4. UCAT (The UK Clinical Aptitude Test) หรือ BMAT (The Biomedical Admissions Test)

ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่ท่านสมัคร ว่าต้องการผลสอบ UKCAT หรือ BMAT ท่านควรเช็คกับมหาวิทยาลัยก่อนเพื่อเตรียมตัวสอบให้ตรงตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด สำคัญอย่างยิ่งที่ นักเรียนต้องทำการลงทะเบียนเพื่อสอบ UKCAT or BMAT ในขณะที่เรียน A-Level ปีแรก (AS) ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน เนื่องจากที่สำหรับนักเรียนแพทย์มีจำนวนจำกัด นักเรียนต้องมีผลสอบดังกล่าวก่อนการยื่นใบสมัครผ่าน UCAS การยื่นใบสมัคร UCAS นั้นต้องทำในปีสุดท้าย (A2) โดยมีกำหนดส่งใบสมัครสาขาแพทย์ภายในวันที่ 15 October ของทุกปี

5. Medical Interview

การสอบสัมภาษณ์ เป็นส่วนสำคัญที่สุดของการสมัคร  ผู้สมัครต้องผ่านเกณฑ์การคัดเลือกข้างต้นทั้งหมดก่อนที่จะได้เข้ารอบสัมภาษณ์   แม้หากผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กล่าวมาแต่ตกสัมภาษณ์ ก็จะถูกตัดสิทธิ์ทันที  ฉะนั้นผู้สมัครต้องเตรียมตัวอย่างดี  การสอบสัมภาษณ์ใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันเต็ม โดยจะแบ่งเป็นกิจกรรมการทดสอบทั้งเดี่ยวและกลุ่ม กรรมการจะใช้การสังเกต และเก็บคะแนนในการทดสอบย่อยต่างๆ  ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดตามจำนวนที่ต้องการเท่านั้นที่จะได้รับการคัดเลือก

ประเภทของหลักสูตรแพทย์ในประเทศอังกฤษ

การเรียนแพทย์ในประเทศอังกฤษโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 หลักสูตร คือ Traditional Style และ PBL (Problem Based Learning)

• การเรียนแพทย์แบบ Traditional Style นั้น 2 ปีแรก ( ปี 1 – ปี 2) เป็นการเรียนทฤษฎี On-campus  และ ปี 3 ถึงปี 5 เป็นการเรียนแบบฝึกภาคปฏิบัติในโรงพยาบาล
• การเรียนแบบ PBL เป็นการเรียนทฤษฎี และปฏิบัติควบคู่กันไป ด้วยนักเรียนจะได้เรียนรู้และแก้ปัญหาไปในเวลาเดียวกันตลอดหลักสูตรปี 1 ถึงปี 5